แม้ชาวพุทธจะมีความสำนึกว่า
สัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีมาแล้วมากมายในอดีต
และจะมีอีกมากมายต่อไปในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม
คำสอนของอดีตพระพุทธเจ้าไม่เหลือหลักฐานไว้ให้ศึกษาได้อีกแล้ว
ส่วนคำสอนของพระพุทธเจ้าที่จะมาในอนาคตก็ยังไม่มีใครรู้
ดังนั้น
บ่อเกิดของพระพุทธศาสนาในปัจจุบันจึงมาจากคำสอนของพระพุทธโคตมแต่องค์เดียว
คำสอนของนักปราชญ์อื่นๆ ทั้งในและนอกพระพุทธศาสนา
อาจจะเสริมความเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
แต่ไม่อาจจะถือว่าเป็นบ่อเกิดของพระพุทธศาสนา
อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนไว้ว่า
ความรู้ที่พระองค์ทรงรู้จากการตรัสรู้นั้นมีมากราวกับใบไม้ทั้งป่า
แต่ที่พระองค์นำมาสอนสาวกนั้นมีปริมาณเทียบได้กับใบไม้เพียงกำมือเดียว
พระองค์ไม่อาจจะสอนได้มากกว่าที่ได้ทรงสอนไว้
ดังนั้น หากมีปัญหาขัดแย้งเกิดขึ้น
ให้ตกลงกันด้วยสังคายนา (ร้องร่วมกัน) คือ
ประชุมและลงมติร่วมกัน
ส่วนในเรื่องธรรมวินัยปลีกย่อย
หากจำเป็นก็ให้ประชุมตกลงปรับปรุงได้ ดังนั้น
บ่อเกิดของพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่งก็คือสังคายนา
สังคายนาจึงกลายเป็นเครื่องมือให้เกิดการยอมรับร่วมกันในหมู่ผู้ยอมรับสังคายนาเดียวกัน
แต่ก็เป็นทางให้เกิดการแตกนิกายโดยไม่ยอมรับสังคายนาร่วมกัน
นิกายต่างๆ ของพระพุทธศาสนาจึงเกิดขึ้น
เพราะการยอมรับสังคายนาต่างกัน
และนิกายต่างกันนั้นก็ยอมรับคัมภีร์และอรรถกถาที่ใช้ตีความคัมภีร์ต่างกัน
อย่างไรก็ตาม
ชาวพุทธแม้จะต่างนิกายกันก็ถือว่าเป็นชาวพุทธด้วยกัน
ทำบุญร่วมกันได้ และร่วมมือในกิจการต่างๆ ได้
ผู้ใดนับถือพระพุทธเจ้าและแม้จะนับถือสิ่งอื่นด้วย
เช่น พระพรหม พระอินทร์ ไหว้เจ้า หรือภูตผีต่างๆ
ก็ยังถือว่าเป็นชาวพุทธด้วยกัน
มิได้มีความรังเกียจเดียดฉันกันแต่ประการใด
ดังนั้น
การที่จะมีบ่อเกิดเพิ่มเติมแตกต่างกันไปบ้าง
ตราบใดที่ยังยอมรับพระไตรปิฎกร่วมกันเป็นส่วนมาก
ก็ไม่ถือว่าต้องแตกแยกกัน
|